ตำนานผีกระสือ

ตำนานผีกระสือ คุณเป็นคนที่เชื่อหรือไม่ว่าผีประเภทนี้นั้น มีอยู่จริงในประเทศไทย?

ตำนานผีกระสือ ความเร้นลับชวนสยองที่เกี่ยวกับความเชื่อเรื่องภูตผีของคนไทย ซึ่งหลายคนยืนยันว่าเคยเจอกับตัว

ตำนานผีกระสือ ถ้าหากว่าเราจะมาพูดถึงกันในเรื่องของตำนาน ความเชื่อเกี่ยวกับเรื่องจิตวิญญาณ หรือว่าภูตผีปีศาจตามทัศนคติของคนไทย ซึ่งก็มีกันมาตั้งแต่ในสมัยโบราณ พวกเราก็คงจะพบว่ามีหลายเรื่อง ผี ที่ได้กลายเป็นตำนานความเชื่ออันชวนให้มี ความรู้สึกขนหัวลุกขึ้นมาทุกครั้ง หากได้มีการพูดถึง ซึ่งก็เป็นเรื่องราวที่ได้รับ การบอกเล่าจากผู้ใหญ่กันมา ตั้งแต่พวกเรายังคงอยู่ในวัยเด็ก จนมันกลายเป็นปมความกลัว ที่อยู่ในใจของใครหลายคน

และเรื่องราวที่มีความเกี่ยวข้องกับ ผีช่องแอร์ ในความเชื่อของคนไทยนั้น ก็นับว่าเป็นความน่ากลัวที่ติดอันดับเอเชีย หรือว่าในระดับโลกเลยก็ว่าได้ ซึ่งก็มีอยู่หลายตำนานความเชื่อ ที่เกี่ยวกับเรื่องผีในเมืองไทย ซึ่งได้ถูกนำเอาไปดัดแปลง เพื่อสร้างเป็นผลงานภาพยนตร์ ตำนานผีกระสือ ในแนวสยองขวัญสั่นประสาท ซึ่งก็ได้รับเสียงตอบรับ ทางด้านของความน่ากลัว จากผู้ชมเป็นจำนวนมาก ซึ่งเนื้อหาก็ได้มีการอ้างอิงมาจาก เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจริงนั่นเอง

และเรื่องราวของผีไทยที่มี ความสยดสยอง ไม่แพ้ผีประเภทไหนนั่นก็คือ ตำนานความเชื่อที่เกี่ยวข้องกับ “ผีกระสือ” ซึ่งเรื่องราวของมันนั้นได้รับ การกล่าวขวัญกันมา ตั้งแต่ในสมัยโบราณ โดยสิ่งที่น่าขยะแขยงของผีประเภทนี้ก็คือ มันมักจะหากินซากสัตว์ หรือว่าของเสียประเภทต่างๆในเวลากลางคืน ซึ่งในช่วงเวลากลางวัน มันจะมีสภาพเหมือนกับมนุษย์ทั่วไปโดยปกติ ทำให้ยากที่เราจะรู้ได้ว่าใครที่เป็น ผีกระสือ

ซึ่งในช่วงเวลากลางคืน ที่ผีประเภทนี้จะออกไปหากิน ก็จะเป็นลักษณะของ การถอดหัวกับไส้ ล่องลอยไปในอากาศ โดยจะมีแสงสว่างวูบวาบเพียงเล็กน้อย ให้ผู้ที่พบเห็นสามารถพอจะสังเกตได้ โดยเชื่อกันว่า ผีไทย ในลักษณะนี้ จะเกิดจากผู้ที่มีสิ่งที่เรียกว่าอวิชชาอยู่ในตัว แล้วสิ่งที่ชั่วร้ายเหล่านั้น ได้เกิดเป็นโทษกับตัวเองและมันยัง สามารถจะถ่ายทอดจากรุ่นสู่รุ่นเป็น ตำนานผีกระสือ ภายในบุคคลในครอบครัว ที่เรียกกันว่าทายาทอีกด้วย

ตำนานผีกระสือ

ตำนานผีกระสือ คุณเป็นคนที่เคยมีประสบการณ์เกี่ยวข้องกับ ผีไทยที่น่ากลัวประเภทนี้หรือไม่?

มีคำถามอยู่คำถามหนึ่งที่เชื่อว่า ก็คงจะมีใครหลายคนที่สงสัยกันว่า การที่ผีกระสือ ถอดหัวกับไส้ เพื่อออกไปหากินในเวลากลางคืน แล้วยังสามารถกลับมามีชีวิตอยู่ เหมือนกับคนปกติ ในเวลากลางวันได้อย่างไรและพอที่จะมี คำอธิบายในเชิง วิทยาศาสตร์ ให้สามารถจะทำความเข้าใจได้หรือไม่ ว่ามันเป็นเช่นนั้นได้อย่างไร ก็เนื่องจากว่าถ้าหากมองในมุมมองของ คนยุคใหม่ มันก็ดูเหมือนว่าไม่สามารถ จะมีโอกาสที่จะเป็นไปได้เลย

โดยผีกระสือที่เรารู้จักกันนั้น ก็จะเป็นผีผู้หญิงเสียเป็นส่วนใหญ่ ไม่เคยมีรายงานว่าพบ ตำนานผีกระสือ ที่เป็นผู้ชายเลยสักครั้งเดียว โดยเมื่อถึงเวลาที่พวกเธอกลายร่าง เพื่อออกหากินในเวลากลางคืนก็จะเป็น การถอดเอาศีรษะกับอวัยวะภายในออกมา ในลักษณะเป็นพวง ลอยออกไปในอากาศ ซึ่งอาหารหลักของผีไทยประเภทนี้นั่นก็คือ ของสดที่มีกลิ่นคาวหรือ สิ่งสกปรกที่เน่าเสีย จัดอยู่ในกลุ่มของ สิ่งปฏิกูลทุกชนิด

โดยว่ากันว่าผีไทยประเภทนี้ จะค่อนข้างให้ความสำคัญกับเรื่อง ความเป็นส่วนตัวเป็นอย่างมาก มันเป็นผีที่มีนิสัยกลัวคน พยายามที่จะหลีกเลี่ยง การเผชิญหน้ากับมนุษย์ในทุกกรณี ซึ่งแสงสว่างที่วูบวาบนั้น เชื่อกันว่าเกิดจากดวงวิญญาณของผีกระสือ ที่เข้ามาสิงสู่ในร่างของเหยื่อ ผู้เคราะห์ร้ายนั่นเอง อีกทั้งยังเชื่อกันว่า มันเป็นดวงวิญญาณของผู้ที่เคยมีวิชาอาคม เล่นไสยศาสตร์ ที่ชั่วร้าย จนสิ่งเหล่านั้นวกเข้ามาหาตัวเองนั่นเอง

ตำนานผีกระสือ

โดยเรื่องราวอันเป็น ตำนานผีกระสือ ที่ได้ถูกถ่ายทอดออกมา ในลักษณะของนวนิยายเก่าแก่ ก็จะเป็นการพูดถึงร่างของหญิงสูงอายุ ที่ถูกวิญญาณอันชั่วร้ายเข้าสิงสู่ จนกลายเป็นผีกระสือที่ทุกคนรู้จัก โดยมุมมองทัศนคติดังกล่าวเป็นข้อมูลที่ถูกถ่ายทอดออกมาโดย “เสฐียรโกเศศ” นักเขียนนวนิยายเกี่ยวกับเรื่องราวของผีในอดีต ซึ่งผลงานของเขาได้ถูกนำมาอ้างอิงกับ เหตุการณ์ของผู้ที่เคยมีประสบการณ์ พบเห็นผีกระสือตัวจริงมาแล้วนั่นเอง 

ต่อมาเรื่องราวของ ตำนานผีกระสือ ก็ได้ถูกถ่ายทอดออกมาในลักษณะของ หนังสือการ์ตูนไทยโดย “ทวี วิษณุกร” ซึ่งถือได้ว่าเป็นผลงานที่มี กลิ่นอายของความเป็นพื้นบ้าน สามารถสื่อสารได้อย่างตรงไปตรงมา ซึ่งผู้อ่านก็สามารถที่จะทำความเข้าใจ อย่างละเอียดได้โดยง่าย ซึ่งผลงานของเขาก็ได้รับความนิยมจนวันได้ถูกนำเอาไปสร้างเป็นผลงานภาพยนตร์ไทยเรื่อง “กระสือสาว” ที่นำแสดงโดย “สมบัติ เมทะนี” กับ “พิศมัย วิไลศักดิ์” สองพระเอกนางนางชื่อดัง ของหนังไทยในยุคนั้น

แต่ถ้าหากว่าเราจะใช้มุมมอง ในการมองเรื่องนี้ ให้ไปทางเรื่องของสิ่งลึกลับ แต่เพียงอย่างเดียว เราก็คงจะไม่ได้รับคำตอบ ในแบบที่คนรุ่นใหม่ต้องการอย่างแท้จริง ในวันนี้จึงจะเป็นการนำเสนอแง่มุม ที่เกี่ยวข้องกับผีกระสือโดยการใช้มุมมองที่เป็น หลักการทางด้านวิทยาศาสตร์เข้ามาร่วมด้วย เพื่อให้ทุกท่านสามารถทำความเข้าใจ ในเรื่องของเหตุและผล การมีตัวตนอยู่จริงของ ผีในเมืองไทยประเภทนี้ กันให้มากขึ้นนั่นเอง ถ้าหากว่าคุณพร้อมแล้ว เราไปลงลึกในรายละเอียดด้วยกันเลย

เรื่องราวของผีกระสือไม่ได้ถูกพูดถึงกันเฉพาะ ในเมืองไทย แต่ยังโด่งดังไกลไปถึงต่างประเทศอีกด้วย

เนื่องจากเรื่องราวความน่ากลัวที่เกี่ยวกับ ตำนานผีกระสือในเมืองไทยที่ได้รับ การกล่าวขวัญถึงกันมาอย่างช้านานแล้ว มันก็ยังเป็นผีที่รู้จักกันดีของผู้คน ในแถบทวีปเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ อย่างเช่นฟิลิปปินส์,ลาวและเวียดนาม ซึ่งผู้คนในประเทศเหล่านี้ก็มี ความเชื่อเกี่ยวกับผีกระสือ ที่ไม่แตกต่างไปจากคนไทย เลยแม้แต่นิดเดียว หากจะมีความแตกต่างก็เพียงแค่ชื่อ ที่ใช้เรียกเพียงเท่านั้น

แต่แน่นอนว่าความเชื่อก็ยังคงเป็นความเชื่อ ที่อาจจะไม่สามารถหรืออาจจะยังไม่มีใคร ใช้หลักการทางด้านวิทยาศาสตร์มาพิสูจน์ ให้เห็นตามหลักเหตุผล ในสิ่งที่มันควรจะเป็น โดยถ้าหากว่าเราจะมาอธิบายกัน ตามหลักวิทยาศาสตร์กายวิภาคซึ่งได้มี การศึกษากันอยู่ในปัจจุบัน ก็ดูเหมือนว่ามันจะเกินไปจาก หลักความเป็นจริงไปไม่ใช่น้อย ซึ่งร่างกายของมนุษย์นั้น จะถูกเชื่อมโยงกันด้วยระบบต่างๆมากมาย

การที่ศีรษะกับอวัยวะภายในเพียงไม่กี่ชิ้น จะถูกถอดออกไปแล้วเคลื่อนไหว แบบลอยไปในอากาศได้นั้น แน่นอนว่ามันจะต้องเป็นเรื่อง ที่ไม่สามารถจะอธิบายได้ ตามหลักการทางวิทยาศาสตร์อย่างแน่นอน โดยคำถามแรกที่ผุดขึ้นมาในหัวนั่นก็คือ ผีกระสือนั้นสามารถหายใจได้อย่างไร เพราะการหายใจก็คือ การนำเอาก๊าซออกซิเจน เติมเข้าไปในกระแสเลือด โดยมีถุงลมของปอดเป็นตัวเชื่อมโยง ออกซิเจนกับระบบของร่างกาย

ซึ่งภายในปอดของคนเรา ก็มีเม็ดเลือดแดงอยู่เป็นจำนวนมาก ซึ่งเม็ดเลือดแดงก็คือ สิ่งที่มีความจำเป็นอย่างยิ่งสำหรับ การมีชีวิตอยู่ของมนุษย์ การหายใจในแต่ละครั้งของมนุษย์จึงมี ความเชื่อมโยงการทำงานของ ระบบหลอดเลือด ผีกระสือในมุมมองทางด้านวิทยาศาสตร์ ก็จะต้องมีในส่วนของเส้นเลือดเป็นจำนวนมาก ที่จะทำหน้าที่เชื่อมโยงอวัยวะทุกชิ้น ซึ่งถูกถอดออกมาจากร่างกาย

ตำนานผีกระสือ

ซึ่งนั่นก็หมายความว่าผีกระสือ จะไม่ได้มีรูปร่างที่ดูปราดเปรียว เหมือนในหนังสือการ์ตูน หรือในภาพยนตร์ที่เราเคยเห็นกันจนชินตาอย่างแน่นอน ซึ่งมันก็จะเป็นการฉีกภาพจำของผีกระสือ ที่พวกเราทุกคนเคยรู้จักกันมา ตั้งแต่ในวัยเด็กไปอย่างสิ้นเชิง รวมไปจนถึงในส่วนของเนื้อเยื่อส่วนต่างๆ ที่อยู่รวมกันภายในร่างกาย ซึ่งจะเป็นสิ่งที่ช่วยยึดโยงอวัยวะภายในส่วนต่างๆ ให้อยู่ในตำแหน่งที่เหมาะสมจนเกิด ความสมดุลในการทำงาน

โดยเนื้อเยื่อดังกล่าวก็ยังจะมี การแตกแขนงออกเป็นส่วนย่อย อีกเป็นจำนวนมากทั้งเส้นเอ็น,ต่อมน้ำเหลือง,ไขกระดูกและคอลลาเจน อีกทั้งในส่วนของเนื้อเยื่อ ที่ทำหน้าที่ยึดโยงกับกระดูก ในส่วนต่างๆของร่างกาย กับกระดูกอ่อนที่มีอยู่ เป็นจำนวนมากอีกด้วย โดยถ้าหากว่าเราจะพูดกัน ในเรื่องของหลักความเป็นจริง ถ้าหากว่าผีกระสือถอดหัวออกมา ระบบของหลอดเลือดที่ติดกับเนื้อเยื่อ ก็จะไม่สามารถทำงานได้อย่างแน่นอน

นั่นก็เป็นเพราะว่าทุกระบบในร่างกายนั้นมี ความสัมพันธ์กันอย่างที่ไม่สามารถ จะขาดสิ่งหนึ่งสิ่งใดไปได้ โดยถ้าหากว่าเกิดความบกพร่องขึ้นที่จุดไหน ก็ย่อมจะส่งผลกระทบไปถึงระบบ การทำงานในส่วนอื่นๆอย่างที่ ไม่สามารถจะปฏิเสธได้ และมันก็เป็นเหตุผลซึ่งผู้คนที่มี ความเชื่อทางด้านวิทยาศาสตร์มากกว่า มองว่าผีกระสือนั้นเป็นเรื่องโกหกหลอกเด็ก ไม่มีเหตุผลที่จะสามารถยืนยัน การมีตัวตนอยู่จริงได้

โดยหลังจากที่เราได้ทดลองวิเคราะห์กันไป ตามหลักการทางด้านวิทยาศาสตร์แล้วก็พบว่า ถ้าหากว่าผีกระสือนั้นมีอยู่จริง ก็จะไม่สามารถที่จะถอดเอาศีรษะ กับอวัยวะภายในบางส่วน ล่องลอยไปในอากาศ แล้วกลับมาเข้าร่างกายคืน แบบมีชีวิตอยู่ได้อย่างแน่นอน แต่สำหรับผู้ที่มีความเชื่อในเรื่องของความเร้นลับ ก็จะมองว่าร่างกายนั้นคือ “กายหยาบ” ส่วนดวงวิญญาณที่สามารถล่องลอย ไปตามสถานที่ต่างๆได้นั่นก็คือ “กายทิพย์”

ความเชื่อ ที่มีมาแต่โบราณ

โดยทั้งสองสิ่งสามารถที่จะ แยกออกจากกันได้อย่างสิ้นเชิง อันเป็นผลมาจากการนั่งสมาธิกรรมฐาน จนบรรลุขึ้นมาถึงจุดหนึ่ง ที่บุคคลนั้นๆจะสามารถบังคับในสิ่งที่คนทั่วไป ไม่สามารถจะทำได้ ซึ่งก็จะมีเหตุผลในเรื่องของไสยศาสตร์ หรือคาถาอาคมในทางชั่วร้าย ที่มีหลายคนฝักใฝ่ศึกษา แต่เมื่อทุกสิ่งทุกอย่างเดินทางมาถึงจุดในระดับสูง ที่ไม่สามารถจะควบคุมมันได้ ผลเสียที่ตอบรับกลับมาก็มี ความน่ากลัวอย่างที่คาดไม่ถึง

โดยผู้ที่ได้กลายร่างเป็นผีกระสือนั้น จะถ่ายทอดมรดกอันน่ากลัวดังกล่าว สู่ผู้ที่เป็นทายาทภายในครอบครัว ในลักษณะที่คล้ายกับสารพิษที่อยู่ในน้ำลาย ซึ่งถ้าหากว่ามีใครในครอบครัวได้สัมผัส หรือกลืนกินน้ำลายนั้นเข้าไป ก็จะตกเป็นทายาทผู้สืบทอด ไปโดยอัตโนมัติ ซึ่งก็ถือว่าเป็นเรื่องที่มี ความน่ากลัวเป็นอย่างมาก ผู้คนในสมัยโบราณจึงพยายามหลีกเลี่ยงที่จะดื่มน้ำ หรือรับประทานอาหารจากคนแปลกหน้าโดยเด็ดขาด

และเรื่องราวอันเป็นตำนานของผีไทย ที่เราได้นำเอาข้อมูลในมุมมองทางด้านวิทยาศาสตร์ มานำเสนอควบคู่กันไปในครั้งนี้ ก็หวังว่ามันจะเป็นข้อมูลสำคัญ ที่จะช่วยให้คุณสามารถ ที่จะตัดสินใจในเรื่องของ ความเชื่อ ที่มีมาแต่โบราณ นี้ได้ง่ายมากยิ่งขึ้น ด้วยการพิจารณาถึงเหตุผล ความเป็นไปได้ที่ไม่ใช่ความกลัวหรือ ความเชื่อในแบบงมงายกันอีกต่อไป

ถ้าหากว่าคุณเป็นคนที่เฝ้าคอยติดตามข้อมูลข่าวสาร ความเคลื่อนไหวในวงการของแฟชั่นเสื้อผ้า การแต่งกายมาโดยตลอด โดยกำลังมีข้อสงสัยว่ารูปแบบของแฟชั่น ที่กำลังได้รับความนิยมอยู่ในเวลานี้นั้นเป็นรูปแบบใด คำตอบของคุณทั้งหมด ก็จะสามารถค้นพบได้ ถ้าหากว่าคุณเข้าไปค้นหามันที่ แฟชั่น y2k

แต่ถ้าหากว่าคุณเป็นแฟนพันธุ์แท้ ของวงการเกมระดับโลก ที่มีผลงานวิดีโอเกมมากมาย ให้คุณได้เลือกเล่นแบบไม่มีวันจบสิ้น คุณสามารถที่จะค้นพบผลงานเกมที่ยอดเยี่ยม ซึ่งคุณก็สามารถจะเล่นได้โดยไม่มีค่าใช้จ่ายที่ game ฟรี

Artist Em

Leave a Comment

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *